วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557
แพทย์วิถีธรรม ยาเม็ดที่ ๕ การหยอดหู หยอดตา
วิธีใช้น้ำสกัดย่านาง-เบญจร
ครั้งละ ๑-๓ หยด แล้วปล่อยทิ้งไว้หรือหยด
จนเต็มรูหู ทิ้งไว้ประมาณ ๑-๕ นาที แล้วเอียงออก
อาจหยอดวันละ ๑-๔ ครั้ง หรือเท่าที่รู้สึกสบาย
หรือหยอดทุกครั้งที่รู้สึกไ
ที่มา : ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว). คู่มือการใช้สมุนไพรฤทธิ์เย
ใช้น้ำปัสสาวะล้างตา เพื่อแก้อาการไม่สบายนัยน์ต า ล้างมือให้สะอาดนั่งเงยหน้าหรือนอนหงายใช้ม ือจุ่มลงในน้ำปัสสาวะ แล้วนำมาแตะที่หัวตา จากนั้นลืมตาเอาน้ำปัสสาวะไ ปล้างตา หรือ กรอกตา ในน้ำปัสสาวะก็ทำให้ล้างสิ่ างสกปรกออกจากนัยน์ตา
เมื่อมีบาดแผล ฝึ หนอง ผื่น คัน การใช้น้ำปัสสาวะทาหรือล้าง ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดผื่นคันและลดการอักเสบ
ปัสสาวะที่ดี คือ มีรสจืด หรือ หอมเหมือนชา ไม่มีกลิ่นฉุน หากมีรสจัดหรือมีกลิ่นฉุน ก่อนนำมาใช้ ดื่ม หรือ หยอดตา หรือ หยอดหู
ควรเจือจางในน้ำสะอาดให้เหล ือรสแค่ปะแล่ม ๆ หรือมี กลิ่นน้อยลง ปริมาณการดื่มที่พอดี คือ ดื่มในปริมาณที่ร่างกายรู้ส ึกสบาย
ที่มา : ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว). หนังสือ ถอดรหัสสุขภาพเล่ม 3 มาเป็นหมอดูแลตัวเองกันเถอะ หน้า ๕๔-๕๕
แพทย์วิถีธรรม ยาเม็ดที่ ๕ การพอกด้วยกากสมุนไพร
การพอกกากสมุนไพร
เมื่อรู้สึกปวด บวม แดง ตึง รั้ง เมื่อย อันเกิดจากภาวะร้อนเกิน สามารถใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็น เช่น กากย่านาง ที่เหลือจากการทำน้ำคลอโรฟิ
ประโยชน์ของกากสมุนไพรฤทธิ์
เหมาะกับผู้ที่มีภาวะร่างกา
เมื่อทำการคั้นน้ำออกจากสมุ
เช่น ย่านาง ใบเตย อ่อมแซบ หยวกกล้วย สามารถนำ
มาใช้ประโยชน์ได้ คือ
1. ใช้ประกอบยาเม็ดที่ 4 การนำกากไปต้มน้ำ เพื่อนำน้ำที่ได้มาแช่มือแช่เท้า ต้ม 15 นาทีน้ำเดือด ผสมเป็นน้ำอุ่นแช่มือแช่เท้
แช่ 3 นาที พัก 1 นาที (1 รอบ) ทำทั้งหมด 3 รอบ นอกจากนี้
ยังสามารถนำน้ำที่ได้ไปอาบน
2. ใช้ประกอบยาเม็ดที่ 5 นำมาผสมกับผงถ่าน ดินสอพอง และ
น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น พอกบริเวณที่ไม่สบาย เช่น แขน เข่า ท้อง ขา
ข้อเท้า แผ่นหน้า แผ่นหลัง ช่วยในการถอนพิษร้อนให้กับร
ระยะเวลาในการพอก เท่าที่รู้สึกสบาย โดยหมั่นพรมน้ำให้ชุ่ม
แพทย์วิถีธรรม ยาเม็ดที่ ๕ การหยอด
สูตรน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น ใช้ในกรณีมีภาวะร้อนเกิน
ส่วนผสม
สมุนไพรสดฤทธิ์เย็นล้างให้ส
เช่น ใบย่านาง ใบเตย อ่อมแซบ ผักบุ้ง เป็นต้น
หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ ๑ ช้อนชา - ๒ ช้อนแกง
แช่ในน้ำสะอาด ๑ แก้ว (ประมาณ 200 ซี.ซี.) นานประมาณ
๕-๑๐ นาที หรือต้มเดือด ๕-๑๐ นาที แล้วปล่อยให้เย็น
วิธีใช้ ให้หยอดหู หยอดตา ถอนพิษร้อน
หมายเหตุ : น้ำแช่สมุนไพรสดหรือต้ม มีอายุ ๔ ชั่วโมง
ที่มา: ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว) หนังสือสู้ทุกทุกข์ภัยด้วยใ
ยาเม็ดที่ ๕ การพอก ทา หยอด ประคบ อบ อาบ ด้วยสมุนไพรที่ถูกกัน
วิธีใช้น้ำสกัดย่านาง-เบญจร งค์
ใช้ฉีดพ่น / ล้าง / ทาแผล
ในจุดที่ไม่สบายจากภาวะร้อน เกิน
หรือผสมพอกทาในจุดที่ไม่สบา ยจากภาวะร้อนเกิน
เช่น เริม งูสวัด ไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้ โดยผสมกับ
สมุนไพรตัวอื่น เช่น ถ่าน ดินสอพอง พอกในจุดที่ไม่สบาย
ถ้าต้องการเพิ่มฤทธิ์เย็นขอ งการฉีดพ่น
ทา ให้ผสมน้ำมันเขียว 1-3 หยดต่อน้ำสกัด 1 แก้ว (ประมาณ 200 ซีซี)
และใช้ฉีดพ่นในส่วนที่ไม่ สบาย ยกเว้น นัยน์ตา เพราะน้ำมันเขียวอาจระคายเค ืองนัยน์ตา
วิธีใช้น้ำสกัดย่านาง-เบญจร
ใช้ฉีดพ่น / ล้าง / ทาแผล
ในจุดที่ไม่สบายจากภาวะร้อน
หรือผสมพอกทาในจุดที่ไม่สบา
เช่น เริม งูสวัด ไฟไหม้ น้ำร้อนลวกได้ โดยผสมกับ
สมุนไพรตัวอื่น เช่น ถ่าน ดินสอพอง พอกในจุดที่ไม่สบาย
ถ้าต้องการเพิ่มฤทธิ์เย็นขอ
แพทย์วิถีธรรม ยาเม็ดที่ ๕ การพอกทา
เป็นการถอนพิษร้อนในร่างกาย
ส่วนผสม
ดินสองพอง 6 ส่วน ช่วยในการประสาน
นำ้ย่างนาง 1 ส่วน
ผงถ่าน 2 ส่วน
กากสมุนไพรฤทธิ์เย็น 2-8 ส่วน (ใบหน้าไม่ต้องใช้)
สัดส่วนปรับได้ตามเหมาะสม
ผสมให้เข้ากันแบบข้น และทาพอกบริเวณที่รู้สึกไม่
ถ้าเป็นใบหน้า ไม่เกิน 20 นาที
ถ้าเป็นบริเวณร่างกายส่วนต่
ตัวอย่าง การพอกทาด้วยสมุนไพรที่ถูกก
อนุโมทนาบุญ กับน้องนิสิตแพทย์ศาสตร์ ปี 5 ในการร่วมสาธิตการพอกหน้าใน
การพอกหน้าเป็นการปรับสมดุล
การพอกใช้ ดินสอพอง ผงถ่าน น้ำคลอโรฟิลล์สด ผสมให้เข้ากันไม่ข้นหรือเหล
กรณีผู้ที่มีภาวะร่างกายไม่
การถอนพิษด้วยการพอก/
โดยนำสมุนไพรฤทธิ์เย็น เช่น ใบเตย เบญจรงค์ (อ่อมแซบ) ผักบุ้ง บัวบก ย่านาง วุ้นว่านหางจระเข้ รางจืด ใบมะขาม กาบหรือใบหรือ หยวกกล้วย เป็นต้น จะใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือ
ให้พอเหลวก็ได้
วิธีทำตามรูป
พอกบริเวณที่รู้สึกไม่สบาย ด้วยกากสมุนไพรฤทธิ์เย็น ผงถ่านที่ใช้ก่อไฟทั่วไป ผสมกับน้ำสมุนไพรฤทธ์เย็น (อาจผสมดินสอพองหรือน้ำปัสส
ตัวอย่างการพอกแผ่นหลัง ใช้ผ้าขาวบางรอง เพื่อสะดวกเวลาดึงดินสอพองและกากออก
ในกรณีที่เป็นฝีหนอง ตุ่มน้ำใส ตุ่มน้ำขุ่น น้ำเหลืองไหลซึมที่ผิวหนัง หรือน้ำกัดเท้า ให้ใช้สมุนไพรรสฝาด เช่นเปลือกต้นแค เปลือกต้นหว้า เปลือกต้นสะเดา (ส่วนกะพี้ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเปลือกนอกกั
ที่มา: ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว) หนังสือ สู้ทุกทุกข์ภัยด้วยใจที่
เป็
ประโยชน์ของกากสมุนไพรฤทธิ์
เหมาะกับผู้ที่มีภาวะร่างกา
เมื่อทำการคั้นน้ำออกจากสมุ
เช่น ย่านาง ใบเตย อ่อมแซบ หยวกกล้วย สามารถนำ
มาใช้ประโยชน์ได้ คือ
1. ใช้ประกอบยาเม็ดที่ 4 การนำกากไปต้มน้ำ เพื่อนำน้ำที่ได้มาแช่มือแช่เท้า ต้ม 15 นาทีน้ำเดือด ผสมเป็นน้ำอุ่นแช่มือแช่เท้
แช่ 3 นาที พัก 1 นาที (1 รอบ) ทำทั้งหมด 3 รอบ นอกจากนี้
ยังสามารถนำน้ำที่ได้ไปอาบน
2. ใช้ประกอบยาเม็ดที่ 5 นำมาผสมกับผงถ่าน ดินสอพอง และ
น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น พอกบริเวณที่ไม่สบาย เช่น แขน เข่า ท้อง ขา
ข้อเท้า แผ่นหน้า แผ่นหลัง ช่วยในการถอนพิษร้อนให้กับร
ระยะเวลาในการพอก เท่าที่รู้สึกสบาย โดยหมั่นพรมน้ำให้ชุ่ม
การพอกกากสมุนไพร
เมื่อรู้สึกปวด บวม แดง ตึง รั้ง เมื่อย อันเกิดจากภาวะร้อนเกิน สามารถใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็น เช่น กากย่านาง ที่เหลือจากการทำน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น พอกบริเวณที่รู้สึกไม่สบาย โดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำย่านาง
ยาเม็ดที่ ๕ กับสภาวะร่างกาย
5. การพอก ทา หยอด ประคบ อบ อาบ ด้วยสมุนไพรที่ถูกกัน คือเมื่อใช้แล้วรู้สึกสบาย
เช่น พอกด้วยกากสมุนไพรฤทธิ์เย็น หรือพอกทาด้วยผงถ่านที่ใช้ก่อไฟทั่วไป
ผสมกับน้ำสมุนไพรฤทธ์เย็น (อาจผสมดินสอพองหรือน้ำปัสสาวะด้วยก็ได้
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการถอนพิษได้ดียิ่งขึ้น) โดยพอกทาทุก 4-6 ชั่วโมง
หรืออาจพอกทาทิ้งไ้ว้ทั้งคืนก็ได้ ถ้าใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็นแล้วรู้สึกไม่สบาย
ก็ปรับใช้สมุนไพรฤทธิ์ร้อน ถ้ารู้สึกสบายกว่า
กรณีที่มีภาวะร้อนเกิน
การถอนพิษด้วยการพอก/ทาด้วยสมุนไพรฤทธิ์เย็น โดยนำสมุนไพรฤทธิ์เย็น
เช่น ใบเตย เบญจรงค์(อ่อมแซบ) ผักบุ้ง บัวบก ย่านาง รางจืด วุ้นนว่านหางจระเข้
ใบมะขาม ใบส้มป่อย กาบหรือใบหรือหยวกกล้วย เป็นต้น จะใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง
หรือหลายอย่างรวมกันก็ได้ มาหั่นหรือโขลกให้แตกพอประมาณ
อาจใช้กากสมุนไพรที่เหลือจากการทำน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นก็ได้
อาจใช้ผ้าชุบน้ำสมุนไพรฤทธฺ์เย็นก็ได้
อาจใช้ดินคลุกกับน้ำให้เหลวเหมือนตมก็ได้
อาจใช้น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด คลุกับดินสอพองหรือปูนเคี้ยวหมากหรือ
แป้งฝุ่นที่ใช้ทาหน้าทาผิว ให้พอเหลวก็ได้
อาจใช้ นำ้สกัดด้วยการกลั่นสมุนไพรฤทธฺ์เย็น น้ำมันเขียว นำ้มันเหลือง
น้ำมันพิมเสนการบูร เมนทอล ขึ้ผึ้งย่านาง-เบญจรงค์
ขึ้ผึ้งเสลดพังพอน ขึ้ผึ้งแก้หวัด ยาหม่องดำ ก็ได้
กรณีที่มีภาวะร้อนเกินและเย็นเกินเกิดขึ้นพร้อมกัน
ให้ใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็นผ่านไฟ หรือสมุนไพรทั้งร้อนและเ้ย็นผ่านไฟ เช่น นำสมุนไพรฤทธิ์เย็นหรือสมุนไพรทั้งร้อนและเย็น
ต้มให้เืดือด 5-10 นาที แล้วผสมน้ำธรรมดาให้อุ่น ใช้อาบหรือนำผ้าชุบบิดให้หมาด วางประคบบริเวณที่ไม่สบาย หรืออาจ
นำสมุนไพรฤทธิ์เย็นหรือสมุนไพรทั้งร้อนและเย็น หั่นให้เล็กหรือโขลกพอแตก ห่อเป็นลูกประคบ นึ่งให้ร้อน วางประคบ
บริเวณที่ไม่สบาย ถ้ารู้สึกร้อนเกินไปก็ใช้ผ้่ารองที่ผิวหนังก่อนประคบก็ได้
กรณีที่มีภาวะเย็นเกินอย่างเดียวผสมกับน้ำสมุนไพรฤทธ์เย็น (อาจผสมดินสอพองหรือน้ำปัสสาวะด้วยก็ได้
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการถอนพิษได้ดียิ่งขึ้น) โดยพอกทาทุก 4-6 ชั่วโมง
หรืออาจพอกทาทิ้งไ้ว้ทั้งคืนก็ได้ ถ้าใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็นแล้วรู้สึกไม่สบาย
ก็ปรับใช้สมุนไพรฤทธิ์ร้อน ถ้ารู้สึกสบายกว่า
กรณีที่มีภาวะร้อนเกิน
การถอนพิษด้วยการพอก/ทาด้วยสมุนไพรฤทธิ์เย็น โดยนำสมุนไพรฤทธิ์เย็น
เช่น ใบเตย เบญจรงค์(อ่อมแซบ) ผักบุ้ง บัวบก ย่านาง รางจืด วุ้นนว่านหางจระเข้
ใบมะขาม ใบส้มป่อย กาบหรือใบหรือหยวกกล้วย เป็นต้น จะใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง
หรือหลายอย่างรวมกันก็ได้ มาหั่นหรือโขลกให้แตกพอประมาณ
อาจใช้กากสมุนไพรที่เหลือจากการทำน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นก็ได้
อาจใช้ผ้าชุบน้ำสมุนไพรฤทธฺ์เย็นก็ได้
อาจใช้ดินคลุกกับน้ำให้เหลวเหมือนตมก็ได้
อาจใช้น้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็นสด คลุกับดินสอพองหรือปูนเคี้ยวหมากหรือ
แป้งฝุ่นที่ใช้ทาหน้าทาผิว ให้พอเหลวก็ได้
อาจใช้ นำ้สกัดด้วยการกลั่นสมุนไพรฤทธฺ์เย็น น้ำมันเขียว นำ้มันเหลือง
น้ำมันพิมเสนการบูร เมนทอล ขึ้ผึ้งย่านาง-เบญจรงค์
ขึ้ผึ้งเสลดพังพอน ขึ้ผึ้งแก้หวัด ยาหม่องดำ ก็ได้
กรณีที่มีภาวะร้อนเกินและเย็นเกินเกิดขึ้นพร้อมกัน
ให้ใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็นผ่านไฟ หรือสมุนไพรทั้งร้อนและเ้ย็นผ่านไฟ เช่น นำสมุนไพรฤทธิ์เย็นหรือสมุนไพรทั้งร้อนและเย็น
ต้มให้เืดือด 5-10 นาที แล้วผสมน้ำธรรมดาให้อุ่น ใช้อาบหรือนำผ้าชุบบิดให้หมาด วางประคบบริเวณที่ไม่สบาย หรืออาจ
นำสมุนไพรฤทธิ์เย็นหรือสมุนไพรทั้งร้อนและเย็น หั่นให้เล็กหรือโขลกพอแตก ห่อเป็นลูกประคบ นึ่งให้ร้อน วางประคบ
บริเวณที่ไม่สบาย ถ้ารู้สึกร้อนเกินไปก็ใช้ผ้่ารองที่ผิวหนังก่อนประคบก็ได้
ให้พอก ทา ประคบหรืออบด้วยสมุนไพรฤทธฺ์ร้อน เช่น ขมิ้น ขิง ข่า ตะไคร้ ไพล ใบมะกรูด เกลือ
น้ำมันพืช/น้ำมันสัตว์ชนิดต่าง ๆ ขึ้ผึ้งขมิ้น ขึ้ผึ้งไพล ขึ้ผึ้งน้ำมันงา ขึ้ผึ้งน้ำมันระกำ เป็นต้น
ที่มา : http://www.morkeaw.net/k-technic.html#5
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)